วันจันทร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2556

หาเห็ด เจอระเบิด อั๊ยย่ะ ! ! !

ภาพข่าวจาก : http://news.springnewstv.tv/36223/

"ชาวบ้านดวงไม่ดี-ออกเดินสายเก็บเห็ดในป่า อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธ์ ใช้ไม้เขี่ยโดนระเบิด-หวิดดับ"
            สถานีตำรวจภูธร อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ ได้รับแจ้งเหตุระเบิดบริเวณหลังเมรุวัดกัลยาณบริหาร หมู่ที่ 10 ต.โนนบุรี โดยระบุว่า เกิดขึ้นกับชาวบ้านที่ออกเดินสายไปหาของป่าและมีผู้ได้รับบาดเจ็บ  เจ้าหน้าที่พบรอยเลือดเป็นบริเวณกว้าง


           สอบถามทราบว่าชาวบ้านได้ช่วยกันนำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาล โดยมีชาวบ้านและสามเณรได้รับบาดเจ็บรวม 2 ราย ทราบชื่อคือนายสมภรณ์ แสนสงค์ อายุ 29 ปี ชาว ต.คำใหญ่ อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ ถูกระเบิดเข้าที่บริเวณหว่างขา สะเก็ดตัดเข้าลูกอัณทะได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนอีกรายเป็นสามเณรประจำวัด ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยถูกสะเก็ดที่บริเวณลำคอ   สาเหตุดังกล่าวเกิดจากชาวบ้าน ได้ทำการใช้ไม้เขี่ยเพื่อหาเห็ดป่า แต่ไม้ได้เขี่ยไปถูกวัตถุของแข็ง หลังจากนั้นจึงเกิดระเบิดเสียงดังสนั่นขึ้น

          โชคดีที่ไม่ระเบิดเข้าจุดสำคัญ จึงทำให้ไม่มีผู้เสียชีวิต จากเหตการณ์ครั้งนี้ถือว่ายังมีความโชคดี เข้าข้าง  แต่จะคนเราจะมีความโชคดีตลอดไปหรือเปล่า เหตุการครั้งนี้ผู้ได้รับบาดเจ็บใช้ไม้เขี่ยและไม่ได้สัมผัสวัตถุระเบิดโดยตรง  ส่งผลทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ ในทางกลับกันถ้าหากสัมผัสโดยตรง จะเป็นการตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ผลที่จะตามมาต้องมีมากกว่านี้แน่นอน อาจจะทำให้สูญเสียชีวิตได้

          เพราะฉะนั้นเพื่อป้องกันเหตุที่จะเกิดขึ้น ไม่ควรสัมผัสวัตถุต้องสงสัย ที่คาดว่าจะเป็นวัตถุระเบิด
ควรรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที่ เพื่อจะได้ทำการเก็บกู้ และทำลาย

          
          

วันจันทร์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2556

สยอง! เก็บระเบิดมาเล่นตูมสนั่น..ตายคาที่

เรื่องนี้ถือเป็นอุทาหรณ์สอนตัวเองหรือใครก็ตามที่สัมผัส  เคลื่อนย้าย วัตถุระเบิด   
โอกาสที่ระเบิดพร้อมจะทำงานทุกเมื่อ เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าสิ่งที่เราเห็น
เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าจะปลอดภัย ดั่งเช่นชายผู้นี้                  

เมื่อเวลา 10 .45 น.วันที่ 2 พ.ย. ร.ต.ท.กิตติพงษ์ ตังควานิช ร้อยเวร สภ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี รับแจ้งมีเหตุระเบิดทำให้มีผู้เสียชีวิตที่บ้านเลขที่ 85 หมู่ที่ 10 บ้านรวมพลัง ต.คำขวาง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ ศรีบุตตะ ผกก.สภ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี และมูลนิธิสว่างบูชาธรรม พบศพนายจินดาศักดิ์ ยัญจันทร์ อายุ 40 ปี สภาพศพแขนขวาขาด นิ้วโป้งขวาขาดกระเด็นห่างจากศพ ประมาณ 3 เมตร และพบบาดแผลจากสะเก็ดระเบิดตามร่างกายนอนเสียชีวิตจมกองเลือดอยู่ภายในครัวหลังบ้าน จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบสลักระเบิดตกอยู่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

ภาพข่าวจากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์  : ประจำวันที่ 2 พ.ย.56

จากการสอบสวนเบื้องต้น นางสาวละมัย สนอุบล อายุ 43 ปี ภรรยาผู้ตายให้การว่า นายจินดาศักดิ์ 
 มีอาชีพขายขนมรังผึ้ง อยู่ที่ตลาดวารินเจริญศรี อ.วารินชำราบ ปกติเป็นคนขยันเมื่อว่างมักออกไปหาของป่า ในเขตฝึกการรบของทหาร และชอบนำสิ่งของที่เก็บมาได้ เช่นหางจรวด,ลูกปืน ดัดแปลงทำเป็นที่เขี่ยบุหรี่ แจกันดอกไม้ และล่าสุดก่อนเกิดเหตุสามีได้ออกไปหาของป่าในเขตทหาร และได้เก็บระเบิดขึ้นสนิมกลับบ้าน ตนจึงเตือนให้ระวังเพราะระเบิดอาจใช้การได้อยู่ หลังจากนั้นนายจินดาศักดิ์ ได้ถือระเบิดเข้าไปในครัวหลังบ้านกระทั่งเกิดเหตุระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่นหวั่นไหว และเห็นสามีนอนจมกองเลือดแขนขาด กระเด็นออกมาจากตัว เสียชีวิตคาที่

สลักระเบิดที่ตกอยู่ข้างๆ ผู้เสียชีวิต
เรื่องนี้พอจะสันนิษฐานและเป็นอุทาหรณ์ เนื่องจากผู้ตายเก็บระเบิดมาได้แล้วด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ได้ดึงสลักระเบิดออกคิดว่าเป็นของเก่าหมดสภาพ จึงทำให้เกิดระเบิดและเสียชีวิตดังกล่าว.

วันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ม.3 พิเรนทร์ หิ้วระเบิดเล่น ระเบิดสนั่น!

ภาพข่าว:หนังสือพิมพ์เดลินิสว์  ประจำวันที่ 21 พ.ย.56

อานุภาพการทำลายของระเบิด
 คนสัมผัสระเบิดกลายเป็นผู้พิการนิ้วขาด ขาขาด
บ้านเรือนเสียหาย
              เมื่อวันพุธที่ 20 พ.ย.56 สภ.พุทธมณฑล อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม รับแจ้งเหตุระเบิดภายในบ้านเลขที่ 88 /168 หมู่บ้านพฤกษา 4 ต.มหาสวัสดิ์ อ.พุทธมณฑล มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 ราย หลังรับแจ้งจึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบและเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อม พ.ต.ท.คมเดช ดอนปิ่นไพร รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.พิษณุ สมนึก พงส.ผู้ชำนาญการ และชุดสืบสวน ที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น หน้าห้องนอนชั้นล่าง มีกองเลือดขนาดใหญ่ เศษชิ้นเนื้อติดข้างผนัง ข้าวของภายในบ้านกระจัดกระจาย เศษระเบิดและพบวัตถุระเบิดคล้ายระเบิดปิงปองอีกหลายลูก ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บถูกนำส่ง รพ.ศาลายา และโรงพยาบาลนครชัยศรี ทำแผลเบื้องต้นและส่งต่อโรงพยาบาลศูนย์นครปฐม ทราบต่อมาผู้ได้รับบาดเจ็บ ด.ช.ปุรฤทธิ์ หรือบอส พูนสุขโข อายุ 14 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1/8 หมู่ 5 ต.ลานตากฟ้า อ.นครชัยศรี นร.ชั้น ม.3 โรงเรียนงิ้วรายบุญมีรังสฤษดิ์ อ.นครชัยศรี เพื่อนลูกชายเจ้าของบ้าน มือขวาฉีกขาดแพทย์ต้องตัดทิ้ง ขาขวาฉีกขาด กระดูกขาแตก มีรอยไหม้ตามลำตัว อีกรายชื่อ นางอินทุอร บุญบำเรอ อายุ 71 ปี แม่ยายเจ้าของบ้าน ถูกสะเก็ดระเบิด มีบาดแผลตามลำตัวและใบหน้า แพทย์ต้องรีบนำเข้าหอ้งฉุกเฉินให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน

          นายเธียนชัย สรรพนา อายุ 40 ปี พยานซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะหินหน้าบ้าน ใกล้ที่เกิดเหตุ ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ก่อนเกิดเหตุ ด.ช.บอส เดินเข้ามาในบ้าน ในมือเหมือนถือของอะไรสักอย่าง ได้ยินเสียงเหมือนเปิดประตูห้องและก็มีเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว ควันลอยฟุ้งเต็มบ้าน ข้าวของแตกกระจัดกระจาย หลังควันจางหายไป เห็น ด.ช.บอส นั่งทรุดอยู่กับพื้นหน้าห้อง เลือดไหลนอง เจ้าหน้าที่จาก อบต.มหาสวัสดิ์ ช่วยนำส่งโรงพยาบาลนครชัยศรี ขณะนี้ห้ามใครเข้าไปในที่เกิดเหตุโดยเด็ดขาด ต้องรอชุดเก็บกู้มาเก็บกู้ระเบิดที่อาจตกค้างอยู่อีกครั้ง ก่อนจะให้เจ้าหน้าที่วิทยาการเข้าเก็บหลักฐานทั้งหมด

          สดๆ ร้อนๆ พาดหัวข่าวเช้านี้ ความวัวไม่ทันหายความควายมาแล้ว เป็นอุทาหรณ์สอนใจให้กับประชาชนทั่วไป ปกติเหตุการณืแบบนี่จะเกิดขึ้นในบริเวณแนวชายแดนเป็นส่วนใหญ่ แต่อุบัตเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นในเขตเมืองไม่ห่างจากเมืองหลวงเท่าใดนัก 

ข้อห้ามกระทำต่อวัตถุระเบิดมี 9 -ข้อดังนี้

1. ห้ามจับ  คือการ คือการไม่แตะต้องไม่สัมผัส 

2. ห้ามเล่น คือไม่นำวัตถุระเบิดไปเล่นในลักษณะต่าง ๆ 

3. ห้ามตีหรือเคาะ คือไม่นำวัตถุอื่นมาเคาะเล่น หรือไม่นำวัตถุระเบิดที่ยังไม่ระเบิดไปเคาะกับวัตถุอื่น

4. ห้ามโยนหรือขว้าง คือไม่เอาวัตถุระเบิดไปโยนหรือขว้างในลักษณะต่าง ๆ

5. ห้ามเคลื่อนย้าย  คือ การไม่เคลื่อนย้ายไปจากที่เดิม ไมว่าจะเป็นการยกหรือหาม เพราะระเบิดได้ใส่ชนวนกันเขยื้อนเพื่อป้องกันกันเก็บกู้ของฝ่ายตรงข้าม

6. ห้ามมีหรือสะสม เพราะมีความผิดตามกฏหมายอาญา

7.ห้ามนำระเบิดไปทำการระเบิดปลา เพราะเป็นอาวุธที่ร้ายแรงไม่เพียงแต่จะทำร้ายปลาอย่างเดียวเท่านั้น แต่สามารถทำร้ายชีวิตของผู้ใช้ระเบิดและผู้อื่นที่อยู่บริเวณใกล้เคียงนั้นด้วย

8. ห้ามนำวัตถุระเบิดไประเบิดเพื่อขุดหลุม เพราะเป็นอันตรายร้ายแรงต่อผู้ใช้วัตถุระเบิดนั้น รวมถึงคนที่อาศัยอยู่ใกล้บริเวนั้นด้วย

9. ห้ามเพ่งดูหรือมองวัตถุระเบิดโดยตรง มื่อท่านเกิดสงสัยซอกมุมหรือรูต่าง ๆ ภายในระเบิด เพราะขณะที่เราเพ่งดูระเบิดนั้น มันอาจจะใกล้เวลาทำงานอยู่แล้ว หากเราสัมผัสเข้าใกล้ ระเบิดเกิดทำงานทำให้ผู้ดูเกิดหูหนวกตาบอดได้

วันพุธที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ลอยกระทง"อันตรายต้องระวัง"


          เริ่มเป็นทางการและจบลงแล้วสำหรับเทศกาลลอยกระทงปีนี้ พร้อมกับมีรายงานข่าวตามสื่อต่างๆ ว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ และสูญเสียอวัยวะจากการจุดประทัด พลุ และโคมไฟ ที่นำมาจุดในเทศกาลลอยกระทงเป็นจำนวนมาก เช่น 

          1 ชายชาวมหาสารคามเล่นประทัดแล้วเกิดระเบิดใส่มือ ทำให้ต้องตัดนิ้ว 5 นิ้ว(รายงานจาก : ศูนย์ข่าวสำนักงานจังหวัดมหาสารคาม)
          2 ระทึก !!! เด็กอำเภอแม่ริม เล่นประทัดยักษ์ระเบิดใส่นิ้วขนาด (รายงานข่าวจาก : สธ.เชียงใหม่)
          3 วัยรุ่น จังหวัดลำปางเล่นประทัดยักษ์ทำตกใส่มือต้องตัดนิ้วทิ้ง (รายงานข่าวจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัลำปาง)
          4  ระทึก !!! งานกินเจ  จังหวัดพังงา จุดพลุตกใส่ชาวบ้านได้รับบาดเจ็บระนาว
          5 จุดพลุฉลองวันชาติสหรัฐอเมริกา ที่นครลอสแองเจลิส มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากพลุระเบิด 39 คน


                                           
พลุ งานวันฉลองวันชาติสหรัฐอเมริกา พุ่งใส่ประชาชนจนได้รับบาดเจ็บ 39 คน

รูปแบบประทัดต่าง ๆ ที่วางจำหน่ายในท้องตลาด
เด็กอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เล่นประทัดยักษ์ทำให้ต้องตัดนิ้ว

จากการเล่นประทัด จุดพลุ ตามเทศกาล ทำให้ต้องพึงระวังในการเล่นให้มากขึ้นเพราะอนุภาพการทำลายยังต่ำ แต่ก็สามารถทำให้ผู้เล่นต้องสูญเสียอวัยวะ บางรายอาจถึงเสียชีวิตได้ บางพื้นที่การจุดโคมลอยทำให้เกิดอัคคีภัย ไฟไหม้บ้านเรือน ทำความเสียหายต่อทรัพย์สิน ส่วนโคมไฟที่ล่นลงบริเวณที่ทำการบินก็มีผลกระทบต่อวิสัยในการบินด้วยเช่นกัน                                         

จากผลกระทบต่อการเล่นพลุ ประทัด หรือโคมไฟก็ตาม ทำให้เกิดความห่วงใยถึง พ่อ แม่ พี่ น้อง ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ติดกับแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน พื้นทีบริเวณตามแนวชายแดนที่มีการต่อสู้กันมาเป็นระยะเวลานาน เนื่องจากความขัดแย้งทางอุดมการณ์ มีผลทำให้ยังมีวัตถุระเบิดยังคงตกค้างอยู่เป็นจำนวนมาก

อานุภาพการทำลายจากวัตถุระเบิดต่างจากการจุดพลุหรือประทัดมาก คงไม่ทำให้สูญเสียแค่อวัยวะบางส่วนเท่านั้น วัตถุระเบิดสามารถทำให้ท่านสูญเสียเสียวิตได้ เพราะฉะนั้นถ้าหากพบเห็นวัตถุต้องสัยคล้ายระเบิด ให้สงสัยไว้ก่อนว่าไม่ปลอดภัย ห้ามสัมผัส ห้ามแตะ ห้ามจับ ห้ามเคลื่อนย้ายเด็ดขาด
ตั้งสติ แล้วรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทันทีเพื่อจะทำการพิสูจน์ และเก็บกู้ทำลายต่อไป

วันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ข้อมูลสำหรับผู้พิการ

ผู้พิการทางการเห็น
ผู้พิการบกพร่องการเคลื่อนไหว
ผู้พิการทางการได้ยิน
ผู้พิการทางการมองเห็น และเคลื่อนไหว

ความหมายของคำว่า  "คนพิการ"

คนพิการ  หมายถึง  บุคคลที่มีข้อจำกัดในการปฏิบัติในกิจวัตรประจำวัน หรือเข้าไปมีส่วนร่วมในสังคม เนื่องจากมีบกพร่องในการมองเห็น การได้ยิน การเคลื่อนไหว การสื่อสาร อารมณ์ พฤติกรรม สติปัญญา หรือการเรียนรู้ หรือความบกพร่องอื่นใด ประกอบกับการมีอุปสรรคชนิดต่าง ๆ และมีความจำเป็นพิเศษที่ต้องได้รับความช่วยเหลือด้านใดด้านหนึ่งเพื่อให้สามารถปฏิบัติกิจกรรมในชีวิตประจำวัน หรือเข้าไปมีส่วนร่วมทางสังคมได้อย่างบุคคลอื่น
ประเภทของคนพิการ แบ่งเป็น 6 ประเภท ประกอบด้วย

1 ความพิการทางการเห็น
1 ความพิการทางการได้ยิน หรือสื่อความหมาย
3 ความพิการทางการเคลื่อนไหว หรือทางร่างกาย
4 ความพิการทางจิตใจ หรือออทิสติก
5 ความพิการทางสติปัญญา
6 ความพิการทางการเรียนรู้ 

การทำบัตรประจำตัวผู้พิการ

กรุงเทพมหานคร : สามารถติดต่อได้ที่ 
1 ศูนย์คุ้มครองสวัสดิภาพชุมชน 12  เขต
2 โรงพยาบาลรามาธิบดี
3 สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (ฝ่ายสังคมสงเคราะห์)
4 โรงพยาบาลศิริราช (สถาบันราชานุกุล)
5 โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า
ต่างจังหวัด : สามารถติดต่อสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (พมจ.) ตั้งอยู่ที่ศาลากลางทุกจังหวัด หรือที่ อบต/เทศบาล

หลักฐานที่ประกอบการขอมีบัตรคนพิการ ประกอบด้วย 
1 สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาบัตรข้าราชการ หรือสำเนาสูติบัตรของคนพิการ
2 สำเนาทะเบียนบ้านของคนพิการ
3 รูปถ่ายขนาด 2 นิ้ว จำนวน    2 รูป  ถ่ายไว้ไม่เกิน 6 เดือน
4 ใบรับรองความพิการ ออกโดยผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของรัฐบาล หรือสถานพยาบาลเอกชนที่มีเลขาธิการสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติประกาศกำหนด เว้นแต่สภาพความพิการที่สามารถมองเห็นได้โดยโประจักษ์ ไม่ต้องมีใบรับรองความพิการก็ได้

สิทธิคนพิการ
สวัสดิการเบี้ยคนพิการ คนพิการที่มีบัตรคนพิการและลงทะเบียนขอรับเบี้ยคนพิการไว้แล้ว  มีสิทธิรับเบี้ยคนพิการรายเดือน เดือนละ 600 บาท

หลักเกณฑ์การจ่ายเบี้ยความพิการ   มีดังนี้
1 สัญชาติไทย
2 มีบัตรประจำตัวคนพิการ
3 มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นตามทะเบียนบ้าน
4 ไม่เป็นบุคคลที่อยู่ในอุปการะของสถานสงเคราะห์ของรัฐบาลกรือเอกชนที่ได้รับเงินอุดหนุนส่วนใหญ่จากรัฐ
5 คนที่พิการที่ได้รับสิทธิตามที่รับบัญญัติตามกฎหมายหรือระเบียบอื่น ไม่เป็นการตัดสิทธิ์ที่คนพิการจะได้รับสิทธิตามระเบียบนี้

ยกตัวอย่าง  ผู้สูงอายุที่ได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุอยู่แล้ว และเป็นผู้พิการด้วย ก็เท่ากับเป็นผู้สูงอายุพิการ หรือผู้พิการสูงอายุ
 มีสิทธิรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 600 บาท 
 รับเบี้ยผู้พิการ 500 บาท
 รวมรับเบี้ย 1,100 บาท

หมายเหตุ 
1 ผู้สูงอายุที่มีอายุครบ 60 ปี           ได้รับเบี้ยผู้สูงอายุ     600   บาท
ผู้สูงอายุที่มีอายุครบ 70 - 79 ปี   ได้รับเบี้ยผู้สูงอายุ    700   บาท
ผู้สูงอายุที่มีอายุครบ 80 - 89 ปี   ได้รับเบี้ยผู้สูงอายุ    800   บาท
4 ผู้สูงอายุที่มีอายเกิน 90 ปี            ได้รับเบี้ยผู้สูงอายุ   1,000 บาท

นอกเหนือจากสิทธิคนพิการจะได้รับเบี้ยความพิการแล้ว ยังสิทธิด้านอื่นๆ ที่ไม่รัฐไม่อาจจะปฏิเสธด้วยการเพิกเฉยไม่ยื่นมือเข้าไปช่วย หรือหยิบยื่นโอกาสอันพึงได้ให้กับประชาชนได้อย่างเสมอภาคเท่าเทียมกัน โดยไม่มีใครเสียเปรียบ เช่น

1 การเสมอภาคกันในกฏหมาย

2 การไม่ถูกกีดกันในการประกอบอาชีพ

3 การได้รับสิ่งอำนวยความสะดวกอันเป็นสาธารณะ

4 การคุ้มครองโดยรัฐ และสิทธิได้รับความช่วยเหลือจากรัฐ

5 สิทธิแห่งความเสมอภาคและเท่าเทียม

6 สิทธิได้รับการศึกษา
   6.1 ได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานไม่น้อยกว่า 12 ปี อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
   6.2 เข้าเรียนโรงเรียนในเฉพาะความพิการ
   6.3 เรียนร่วมในชั้นเรียนปกติ
   6.4 การศึกษานอกระบบเพื่อคนพิการ
   6.5 ได้รับการศึกษาในทุกระดับตามศักยภาพ

7 สิทธิด้านการอาชีพกฎหมายให้ความคุ้มครองที่จะให้คนพิการมีงานทำหรือประกอบอาชีพ โดยมิให้มีการเลือกปฏิบัติ เพราะเหตุแห่งสภาะทางกายภาพหรือสุขภาพ โดยกำหนดให้นายจ้างหรือเจ้าของกิจการจ้างคนพิการอย่างน้อยร้อยละ 1 ของคนปกติ และ
   7.1ได้รับบริการฝึกประกอบอาชีพจัดหางาน ประสานงานส่งต่อเข้าทำงานในสถานประกอบการต่าง ๆ
   7.2. สิทธิการขอกยืมเงินทุนประกอบอาชีพอิสระจากกองทุนฟื้นฟูศักยภาาพไม่เกินคนละ 40,000 บาท 

8 สิทธิในการมีล่ามภาษามือ คนพิการทางการได้ยินมีสิทธิได้รับบริการล่ามมือโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ดังนี้
   8.1 การใช้บริการทางการแพทย์และการสาธารณสุข
   8.2 การสมัครงาน หรือ การติดต่อประสานงานด้านการประกอบอาชีพ
   8.3 การร้องทุกข์ การกล่าวโทษ หรือการเป็นพยานในชั้นพนักงานสอบสวน
   8.4 การประชุม สัมนา หรือการฝึกอบรม รวมทั้งดป็นผู้บรรยายโดยหน่วยงานภาครัฐหรืองค์กรเอกชน

9 สิทธิได้รับเครื่องช่วยความพิการ 
   9.1 การใช้สัตว์นำทาง
   9.2 ใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์นำทา
   9.3 เครื่องช่วยความพิการที่นำติดตัว
   9.4.สิ่งอำนวยความสะดวกอันเป็นสาธารณะ
   9.5ได้รับค่ายกเว้นค่าบริการ ค่าธรรมเนียม และค่าเช่า


การขอความช่วยเหลือของผู้พิการ สามารถติดต่อได้ดังนี้ 

ในเขต กรุงเทพมหานคร  ติดต่อ ศูนย์คุ้มครองสวัสดิภาพชุมชนทั้ง 12 เขต

ต่างจังหวัด ติดต่อ  
สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด ตั้งอยู่ที่ ศาลากลางทุกจังหวัด





วันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

สถิติผู้ประสบภัย

         
          ส่วนประสานการปฏิบัติและประเมินผล ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ได้จัดทำสถิติผู้ประสบภัย
ที่ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิต ปี พ.ศ.2552 ถึง 2556 ของเจ้าหน้าที่ขณะที่เข้าไปทำการตรวจค้นทุ่นระเบิด  เจ้าหน้าที่ทำการลาดตระเวณตามแนวชายแดน ประชาชนทั่วไป และประชาชนชาวกัมพูชาที่เข้ามารับจ้างตามสวนผลไม้ และเข้ามาหาของป่าตามแนวบริเวณชายแดน

          จากสถิติตั้งแต่ปี 2552 จะเห็นได้ว่ายังมีรายงานจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บและสูญเสียชีวิตทั้งฝ่ายเจ้าหน้าที่และพลเรือนทั้งไทย  และประชาชนชาวกัมพูชา ยังคงมีต่อเนื่อง สาเหตุมาจากประชาชนได้เข้าไปในบริเวณที่มีความหนาแน่นของทุ่นระเบิด เนื่องจากพื้นที่เหล่านั้นมีความอุดมสมบูรณ์ผู้คนไม่ค่อยเข้าไปเก็บของป่า เพราะความยากจนของประชากร  ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และยังคงมีวัตถุอันตรายตกค้างในพื้นที่ทำมาหากิน ไร่ นา เทือกสวน  ประชาชนไม่ตระหนักถึงภัยอันตรายของวัตถุระเบิด

          รวมผู้ประสบภัยจากปี 2552 ถึง 2556 รวม 88 ราย เสียชีวิต จำนวน 7 ราย ถือว่าอัตราการสูญเสียและบาดเจ็บถือว่าสูง ยังไงก็ดียังมีการรณรงค์แจ้งเตือนให้ความรู้ถึงภัยอันตรายจากวัตถุระเบิด ให้กับประชากรพื้นที่กลุ่มเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดความเสี่ยงให้ประชน สามารถใช้ชีวิตอย่างปกติ และที่สำคัญลดจำนวนผู้ประสบภัยให้เหลือศูนย์ (ZERO - VICTIM) 
          

          

วันศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ชาวสุรินทร์ ตะลึง! พบระเบิดสงคราม




       ตามรายงานข่าวจากหนังสือพิมพ์ เมื่อวันพุธที่ 23 ตุลาคม 2556 นายอำเภอพนมดงรัก จ.สุรินทร์
ได้รับแจ้งจากราษฎบ้านไทยสันติสุข หมู่ที่  16 ตำบลบักได พบวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิดในป่าละเมาะ จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าพิสูจน์ทราบ  จากการตรวจพิสูจน์เบื้องต้นพบระเบิด ลูกจรวด อาร์พีจี จำนวน 4 ลูก ลูกยิง ค. 80 จำนวน 1 ลูก กบกระโดด จำนวน 4 ลูก ระเบิดลูกเกลี้ยง 1 ลูก ( ใหม่ ) ซองใส่จรวดอาร์พีจี 2 อัน ระเบิดรถถัง จำนวน 1 ลูก สภาพใช้การได้

       การนำเสนอข่าวมักเกิดขึ้นบ่อยครั้ง สถานที่เกิดเหตมักเป็นพื้นที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน หรือตามแนวตะเข็บชายแดน พื้นที่มีการสู้รบมาก่อน ยังคงมีวัตถุระเบิดตกค้างอยู่เป็นจำนวนมาก หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังทำการกวาดล้างอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังทำได้ไม่ทั่วถึงด้วยสาเหตุด้านงบประมาณ กำลังพล และสภาพภูมิประเทศ

       นับว่าเป็นความโชคดีที่ชาวบ้านไปพบเห็นวัตถุระเบิดก่อน เพราะวัตถุระเบิดผลิตขึ้นมาแต่ไม่ได้กำหนดให้หมดอายุ รอเวลาที่เหมาะสม เช่น อุณหภูมิที่พอเหมาะ การสัมผัส การเคลื่อนย้าย ด้วยความมีข้อปฏิบัติเช่นเดิมท่องให้ขึ้นใจสำหรับประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยง หรือตามแนวตะเข็บชายแดนท่านต้องตระหนักถึงภัยอันตรายที่สามารถทำให้สูญเสียอวัยวะ และถึงขั้นเสียเสียวิต

       "เมื่อเจออย่าจับ รีบแจ้ง"

       เมื่อท่านพบเห็นวัตถุต้องสงสัยที่มีลักษณะคล้ายวัตถุระเบิด ไม่ว่าจะเป็นโลหะ หรือ อโลหะ ห้ามสัมผัสเด็ดขาด รีบแจ้งเจ้าหน้าที่อยู่ใกล้เคียง เพื่อทำการเก็บกู้ต่อไป    ด้วยความห่วงใยและปราถนาดีจาก ส่วนประสานการปฏิบัติและะประเมินผล ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ

      

วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2556

นานาประเทศ ใจดี! จุงเบย

เมื่อวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๖ นาย แบร์ด รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศแคนาดา ได้ลงนามให้การช่วยเหลือและสนับสนุนประเทศลาว ในการการเก็บกู้ทุ่นระเบิดและผู้ประสบภัยจากทุ่นระเบิด

แบร์ด รัฐมนตรีต่างประเทศแคนาดา
ประกาศให้การสนับสนุนการเก็บกู้กับระเบิดในลาว
https://www.facebook.com/#!/CanadainThailand
แบร์ด รัฐมนตรีต่างประเทศแคนาดา
 ฟิลลิป คาลเวิร์ตท่านทูตแคนาดาประจำประเทศไทย
เยี่ยมชมโรงงานทำขาเทียม แขวงคำม่วน สปป.ลาว
 https://www.facebook.com/#!/CanadainThailand
          เป็นที่น่ายินดีกับประเทศเพื่อนบ้านของเราที่นานาอารยประเทศเข้าให้การช่วยเหลือและสนับสนุนเงินทุนให้กับประเทศลาวและหลายประเทศที่มีชายแดนติดกับประเทศไทย เมื่อหันกลับมาดูประวัตศาสตร์ของบ้านเราประมาณ ๕๐ ปีที่แล้ว เรายังมีการต่อสู้กันกับประเทศเพื่อนบ้านเนื่องจากความขัดแย้งทางการเมือง พื้นที่เหล่านั้นยังมีระเบิดฝังไว้เป็นจำนวนมาก ทั้งที่ฝังไว้ในดิน บนดิน ตามต้นไม้อยู่เป็นจำนวนมาก
          ผลกระทบจากการสู้รบดังกล่าวทำให้มีผลกระทบทางตรงต่อร่างกายของประชากรที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงและผลกระทบทางอ้อมต่อทางเศรษฐกิจและสังคม เนื่องจากผู้ประสบภัยจากวัตถุระเบิดไม่สามารถทำมาหากินได้เหมือนคนปกติ เนื่องจากการสูญเสียอวัยวะ 
          ประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งที่มีประชากรที่ได้รับผลกระทบจากการเหยียบกับระเบิดเป็นจำนวนมาก รัฐบาลให้หน่วยงานแต่ละหน่วยงานที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูแลและช่วยเหลือ แต่ละหน่วยงานต่างพบอุปสรรคและปัญหาคือเรื่องงบประมาณ ที่มีอยู่จำกัด และไม่สามารถเข้าไปช่วยเหลือได้อย่างทั่วถึง
          ย้อนกลับไปดูจากภาพข่าวที่นานาประเทศต่างให้การช่วยเหลือสนับสุนเงินทุนแก่รัฐบาลลาว กัมพูชา ทำให้เกิดคำถามเล็ก ๆ ว่าด้วยสาเหตุอะไรที่นานาอารยะประเทศที่เจริญแล้วถึงตัดสินใจช่วยเหลือประเทศลาว กัมพูชา โดยมองผ่านประเทศไทย และประเทศไทยมีผู้ประสบภัยเป็นจำนวนมากและหน่วยงานภายใต้การดำเนินงานของรัฐบาลไทย ต้องการเพิ่มเงินงบประมาณไปช่วยขับเคลื่อนการทำงานให้มีประสิทธิภาพ และถ้าหากผู้ประสบภัยได้รับการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง ก็จะสามารถทำให้เขาเหล่านั้นมีโอกาสใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ปัญหาอื่น ๆ ที่จะตามมาก็จะไม่มี
        
                            
          



วันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2556

สถิติ! น่าตกใจผู้ประสบภัยจากทุ่นระเบิดปี 2556

ผู้ประสบภัยที่สัมผัสทุ่นระเบิดจนต้องสูญเสียอวัยวะลูกตาและแขนทั้งสองข้าง



จากในรอบปีที่ผ่านมาตั้งแต่ 1 ต.ค. 2555 จนถึง 30 ก.ย. 2556  ส่วนประสานการปฏิบัติและประเมินผล

ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ได้รบวรวมสถิติจำนวนผู้ประสบภัยจากทุ่นระเบิด จำนวน 20 ราย

 ดังต่อไปนี้



1. นางพิมพ์  กันประดับ อายุ 64 ปี เหยีบระเบิดชนิด PMN บริเวณ บ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ทำให้ข้อเท้าซ้ายขาดมือท้งสองข้างโดนสะเก็ตระเบิดที่มือทั้งสองข้าง

2. นายสิทธิศักดิ์ รูตั้งติ อายุ 23 ปี เหยียบระเบิด Type 72  บริเวณบ้านมะอึกแรด ต.หนองบอน อ.บ่อไร่ จ.ตราด ทำฝห้ปลายเท้าซ้ายฉีกขาด

3. พันจ่าเอก นนทกร พุกรัตน์ เจ้าหน้าที่ ชป.1 นปท.2/นปท.ทร โดนสะเก็ดระเบิดชนิด Type 72 ตามตัวและใบหน้า บริเวณ บ้านผักกาด อ.คลองใหญ่ จ.จันทบุรี

4. พันจ่าเอก ประสิทธิ์ อ่อนท่าลาด เจ้าหน้าที่ ชป.1 นปท.2/นปท.ทร โดนสะเก็ดระเบิดชนิด Type 72 ตามตัวและใบหน้า บริเวณ บ้านผักกาด อ.คลองใหญ่ จ.จันทบุรี

5. นาย จตุพล รัตน์พันธ์ อายุ 25 ปี เหยียบระเบิดชนิด  TM 46 ทำใหได้รับบาดเจ็บบริเวณลำตัวและขาขวา 

6. อาสาสมัครทหารพราน นิรันดร์ สุธรรม สังกัด ฉก.กรม.ทพ 26ได้รับบาดเจ็บข้อเท้าขาขวาขาดจากการเหยียบระเบิดชนิด PMN 2 บริเวณบ้านแนงมุด อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์


7.  อาสาสมัครทหารพราน  สราวุธ พระงาม สังกัด ฉก.กรม.ทพ 26 ได้รับบาดเจ็บตามลำตัวจากการเหยียบระเบิดชนิด PMN 2 บริเวณบ้านแนงมุด อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์


8. อาสาสมัครทหารพราน ศักดา ประชากลาง สังกัด ฉก.กรม.ทพ 26 ได้รับบาดเจ็บตามลำตัวจากการเหยียบระเบิดชนิด PMN 2 บริเวณบ้านแนงมุด อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์


9. พลอาสาสมัคร พิชิต คำสมบูรณ์ อายุ 22 สังกัด ร้อย ร.131 บ.โดนเอาว์ ต.รุง อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้รับบาดเจ็บข้อเท้าขวาขาดจากการเหยียบระเบิด PMN

10.สิบโท มานพ บุญธิมา ร้อย ร.132 กกล.สุรนารี อายุ 24 ปี ได้รับบาดเจ็บบริเวณแก้มซ้ายและขาขวาท่อนบน อาการสาหัส จากการเหยียบระเบิด UXO ไม่ทราบชนิด

11. อาสาสมัครทหารพราน เขียม ปะมา สังกัด ร้อย.ร.ทพ.2302 กกล.สุรนารี ได้รับบาดเจ็บกระดูกนิ้วชี้ถึงนิ้วก้อยเท้าข้างซ้ายแตกกระดูกส้นเท้า จากการเหยียบกับระเบิดชนิด  PMN

12. นายสุวัฒน์ มาทอง ได้รับบาดเจ็บขาซ้ายท่อนล่างกระดูกแตก จากการเหยียบกับระเบิด  PMN

13. พลทหาร สุริยา คำเจริญ สังกัด ร้อย ร.122 พัน.ร.12 กกล.สุรนารี ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบระเบิดชนืด  PMN ทำให้ขาซ้ายขาดใต้เข่าและขาขวาท่อนล่างกระดูกแตก

14. พลทหาร สงวน ธรรมภัคดี สังกัด ร้อย ร.122 พัน.ร.12 กกล.สุรนารี ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบระเบิดชนิด  PMN โดนสะเก็ดระเบิดที่ขาขวา

15. พลทหาร ณัฐพล แก้วเชียงหวา  ร้อย ร.122 พัน.ร.12 กกล.สุรนารี ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบระเบิดชนิด  PMN ทำให้ส้นเท้าแตกและมีแผลฉีกขาดที่ขาขวาท่อนล่าง

16. สิบเอก สุรชัย ชินวงศ์  ร้อย ร.122 พัน.ร.12 กกล.สุรนารี ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบระเบิดชนิด  PMN ทำให้บาดเจ็บที่หน้าอกและชายโครงด้านซ้าย

17. นางแสวน ฉ่ำคำ ชาวบ้านร่มไทร ต.ทัพเสด็จ อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบระเบิดชนิด  PMN ทำให้บาดเจ็บขาด้านซ้ายขาดเหนือข้อเท้าและสะโพกด้านหลังทั้งสองข้าง มีแผลฉกรรจ์

18. นายจันที ซอล อายุ 28 ปี ประชาชนชาวกัมพูชา อาชีพรับจ้างในไร่ของชาวไทยบ้านคลองใหญ่ ต.คลองใหญ่ อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี สัมผัสระเบิด RPG-2  ทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ต่อมาเสียชีวิต




ภาพนายจันที ซอล ชาวกัมพูชา สัมผัสระเบิด  RPG ทำให้เสียชีวิต

19. นายเทีย เมีย อายุ 16 ปี ประชาชนชาวกัมพูชา  อาชีพจ้างในไร่ของชาวไทยบ้านคลองใหญ่ 
ต.คลองใหญ่ อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี สัมผัสระเบิด RPG-2  ทำให้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย

20. เด็กชายจอม เอย อายุ 12 ปี ประชาชนชาวกัมพูชา  อาชีพจ้างในไร่ของชาวไทยบ้านคลองใหญ่ ต.คลองใหญ่ อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี สัมผัสระเบิด RPG-2  ทำให้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย

จากสถิติผู้ประสบภัยที่ได้รับอันตรายจากทุ่นระเบิด ปี 2556 ถือว่าเป็นสถิติที่สูงและน่าเป็นห่วงเป็นอย่างมาก ประชาชนที่ได้รับอันตรายจากวัตถุระเบิดที่ทั้งเจ้าหน้าที่ และประชาชนทั่วไป สัมผัสทั้งทางตรงและทางอ้อม บางรายสัมผัสระเบิดรู้เท่าไม่ถึงการณ์ บางรายขาดความตระหนักถึงภัยของระเบิด 

เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน ต่างรณรงค์และสร้างความตระหนักให้กับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ที่มีชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ที่มีอดีตการต่อสู้มายาวนาน ให้ตระหนักถึงอันตรายของทุ่นระเบิดที่จะมีผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ชีวิตอย่างปลอดภัย

ในปี 2557 แผนกแจ้งเตือนให้ความรู้เกี่ยวกับอันตรายของวัตถุระเบิด ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติกำลังรณรงค์และตั้งเป้าหมายลดจำนวนผู้ประสบภัยให้เป็นศูนย์ (ZERO VICTIM)

















วันพุธที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ระวัง! มหันตภัยมาไกลกับน้ำท่วม

พาดหัวข่าวสถานการณ์น้ำท่วม : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐวันอังคารที่ 8 ตุลาคม 2556

ความเดือดร้อนจากสถานการณ์น้ำท่วม สัตว์เลี้ยง ก็ได้รับความเดือดร้อนเช่นกัน

เจ้าหน้าที่กำลังช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมที่ จ.สระแก้ว


    หลังมวลน้ำจากจังหวัดสระแก้วเข้าท่วมระลอก 3 อย่างรวดเร็ว จนขนข้าวของหนีน้ำไม่ทัน รถยนต์ถูกน้ำท่วมหลายคัน และมีบางจุดท่วมมิสเตอร์ไฟฟ้า จนเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องตัดกระแสไฟฟ้าเพื่อความปลอดภัย ส่งผลให้ชาวบ้านที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ยอมลอยคอออกจากบ้าน เพื่อไปอาศัยอยู่บ้านญาติชั่วคราว ส่วนถนนสาย 304 กบินทร์บุรี-ฉะเชิงเทรา บางจุดน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมต

   จากสถานการณ์และภาพข่าวที่กำลังรายงานต่อเนื่องชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบนอกจากจังหวัดสระแก้ว ปราจีนบุรี ยังรวมไปถึง จังหวัดจันทบุรี ตราด อุบลราชธานี ชาวบ้านจังหวัดเหล่านี้มีพื้นที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ที่มีการต่อสู้มากันมาเป็นระยะเวลานาน และยังมีทุ่นระเบิดหลงเหลืออยู่ใต้พื้นดิน มวลน้ำที่มีขนาดใหญ่และปริมาณมากขณะนี้เป็นสาเหตุหนึ่งที่สามารถกัดเซาะทุ่นระเบิดใต้พื้นดินเคลื่อนที่และลอยมากับน้ำได้
   ประชานชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงและอยู่ในพื้นที่น้ำท่วม ขอให้ใช้ความระวังวัตถุที่ลอยมากับน้ำ ถ้าท่านสังเกตุเห็นวัตถุที่คล้ายระเบิด ที่เป็นโลหะหรืออโลหะ ขออย่าได้เข้าไปแตะ และจับต้อง เพราะการเข้าไปสัมผัสกับวัตถุระเบิดจะทำให้ท่านได้รับอันตรายสูญเสียอวัยวะและถึงขั้นเสียชีวิต
   สิ่งแรกที่ท่านเห็นวัตถุต้องสงสัยคล้ายวัตถุระเบิด ขอให้ท่านทำเครื่องหมายบอกจุดหรือตำแหน่งที่พบเห็น แล้วรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ที่อยู่ใกล้บริเวณนั้นเพื่อเข้าไปทำการเก็บกู้ต่อไป  
   
   

วันอังคารที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2556

บทเรียน(โหด)จากสงครามในอดีต

สด สด ร้อนๆ จากข่าวที่เชื่อถือได้จากเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน
ในพื้นที่เสี่ยงตามแนวตะเข็บชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน

เมื่อวันอาทิตย์ที่  8  กันยายน 2556 หน่วยปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมที่ 2 จังหวัดจันทบุรี และจังหวัดตราดได้รับแจ้งเหตุว่ามีเหตุระเบิดใกล้แนวชายแดนไทย -กัมพูชา บ.คลองใหญ่
ต.คลองใหญ่ อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี มีชาวกัมพูชาที่เข้ามารับจ้างในไร่ผลไม้ประสบอุบัตเหตุดังกล่าว 



ภาพชายกัมพูชาที่ประสบภัยจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์

เพื่อนบ้านนำคนเจ็บส่งโรงพยาบาลและเสียชีวิตในเวลาต่อมา
จากเหตุการณ์ดังกล่าวประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยติดกับแนวตะเข็บชายแดน มีประวัติการสู้รบกันมาก่อน ย่อมมีความเสี่ยงภัยที่จะประสบกับทุ่นระเบิดและกับระเบิด

 สงครามในอดีตยังคงทิ้งร่องรอยความโหดร้ายให้กับประชาชนอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นทุ่นระเบิด ภัยคุกคามจากการเหยียบระเบิด 


 พึงระลึกอยู่เสมอว่าทุ่นระเบิดมันไม่มีวันหมดอายุ ทุ่นระเบิดที่ฝังอยู่ใต้ดินมันก็ยังพร้อมที่จะทำงานตลอดเวลา พร้อมที่จะทำร้ายร่างกายแก่คนที่สัมผัส อย่างน้อยสุดอานุภาพการทำลายก็จะทำให้ได้รับบาดเจ็บ และขั้นสูงสุดถึงกับเสียชีวิต (ตามภาพข่าวที่นำเสนอ)





วันอังคารที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เมื่อเจอ(ระเบิด)อย่าจับ... รีบแจ้ง

คณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลฯ จากศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ
             พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากหน่วยปฏิบัติการ ทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรมที่ 3
เข้าทำการพิสูจน์ทราบชนิดของทุ่นระเบิด  ขณะทำการกวาดล้าง
พบวัตถุระเบิดชนิด ดักรถถัง และ ระเบิดสังหารบุคคล  PMN  เป็นจำนวนมาก

หน้าตาของระเบิดสังหารบุคคล PMN

เชื่อว่ายังคงมีระเบิดชนิดนี้ฝังอยู่ใต้ดินอีกมากมาย
 ที่เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถตรวจพบตามบริเวณแนวชายแดน


หน้าตาของ ระเบิดดักรถถัง ที่ฝังอยู่ใต้ดิน ถึงแม้ว่าสภาพเก่าสนิมเกาะแบบนี้
มันพร้อมที่จะทำงานได้ทุกเมื่อ


จากการทำงานหนักของเจ้าหน้าที่ หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรมที่ 3 
สามารถเก็บกู้ระเบิดเหล่านี้ขึ้นมาจากใต้พื้นดิน  ทำให้ประชาชนที่อยู่ใกล้บริเวณ จ.ศรีสะเกษ
และ อุบลราชธานี ปลอดภัยจากการเหยียบกับระเบิดได้ระดับหนึ่ง มีข้อมูลที่ยืนยันว่ายังมีพื้นที่อีกมากมาย ที่เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้เข้าไปทำการสำรวจ และกวาดล้าง

เป็นการยากที่จะเห็นข้อสังเกตทุ่นระเบิด เพราะมีรูปร่าง ขนาด และ สี แตกต่างกันออกไป เช่น ฝังไว้ในพื้นดิน ซ่อนไว้ในพงหญ้า แขวนไว้บนต้นไม้ จมน้ำ ลอยน้ำ 

ง่ายที่สุด ในการรักษาความปลอดภัยในชีวิตที่จะเกิดจากการเหยียบกับระเบิด
เมื่อเห็นป้ายแจ้งเตือนสัญญลักษณ์จากทางราชการ
"อย่าได้เข้าใกล้บริเวณนั้นโดยเด็ดขาด"
ทุ่นระเบิดไม่รู้จักเจ้าของ ไม่มีวันหมดอายุ และพร้อมที่จะทำงานหรือระเบิดได้ทุกเวลา ทุกสถานที่

จำให้ขึ้นใจ  เมื่อเจอ วัตถุระเบิดต้องสงสัย อย่าจับ ให้  รีบแจ้ง หน่วยทหาร และหน่วยงานราชการใกล้เคียงที่สุด

หน่วยงานราชการที่สามารถแจ้งเหตุเมื่อพบวัตถุระเบิด พื้นที่จังหวัด สุรินทร์ อุบล ศรีสะเกษ
บก.หน่วยตรวจค้นและทำลายทุ่นรัเบิด : โทร 085 - 4579 -489
บก.หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรมที่ 3 : 044 - 5130-639 ต่อ 20267



วันจันทร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ความทรงจำเมื่อไม่นาน

ผู้ประสบภัยหญิง หมู่บ้านร่มไทร ต.ทัพเสด็จ อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว
เหยียบกับระเบิด ขณะออกไปเก็บหาของป่า


ผู้ประสบภัยอีกรายของหมู่บ้านร่มไทร ต.ทัพเสด็จ
อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว



ตัวดิฉันเองพึ่งมีโอกาสเดินทางไปราชการการ และมีเวลาได้พบปะสนทนาประชาชนชาวบ้านที่อาศัยอยู่ตามบริเวณตามแนวตะเข็บชายแดนไทย - กัมพูชา ประมาณปลายเดือนเมษายน 
จุดประสงค์การเดินทางไปราชการครั้งนี้ก็เพื่อ ติดตามการทำงานของหน่วยทหารในพื้นที่ ว่าได้ไปให้ความรู้เกี่ยวกับวัตถุระเบิดกับชาวบ้านอย่างไร ในขณะเดียวกันก็ถือโอกาสประเมินผลกับชาวบ้านว่าพ่อแม่พี่น้องเข้าใจถึงภัยใกล้ตัวที่เกิดกับชุมชน และตัวเองมากแค่ไหน

หนึ่งในหมู่บ้านที่ดิฉันเดินทางไปคือ บ้านร่มไทร  ต.ทัพเสด็จ อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกร และรับจ้างทั่วไป ถือว่าเป็นหมู่บ้านยากจน เมื่อสิ้นสุดฤดูกาลทำไร่ทำนา จึงออกหาของป่าไปขายเป็นรายได้ส่วนหนึ่งเพื่อเลี้ยงครอบครัว

จากข้อมูลของทางราชการ : และจากการสืบสภาพข้อมูล เดิมเคยมีการทำสงครามระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งการต่อสู้เนื่องจากความขัดแย้งภายในเราเองระหว่างรัฐบาลกับพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งภายหลังได้ทิ้งทุ่นระเบิดและสรรพวุธที่ยังไม่ระเบิดไว้เป็นจำนวนมากในพื้นที่ ทำให้เกิดความเดือดร้อนและเป็นอันตรายแก่ประชาชนในท้องถิ่นเป็นอย่างมาก

นับจากวันที่ที่หน่วยทหาร ได้เข้าไปให้ความรู้เรื่องอันตรายของวัตถุระเบิดกับประชาชนใน หมู่บ้านร่มไทร ต.ทัพเสด็จ อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ได้ไม่ถึงสองเดือน ได้เกิดเหตุการณ์ขึ้นอีก คราวนี้เป็นหญิงชาวบ้านสามคนเข้าไปหาของป่าในพื้นที่ที่ทหารได้ทำการติดป้ายแจ้งเตือนว่ามีวัตถุระเบิด ได้เหยียบกับระเบิดสังหารบุคคล ทำให้ได้รับบาดเจ็บ ขาซ้ายขาดเหนือตาตุ่มและสะโพก

จากเหตุการณ์ดังกล่าว : ทำให้มีผู้ประสบภัยเกิดขึ้นอีก ทั้ง ๆ ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับชาวบ้านเหล่านี้เลย เป็นอุธาหรณ์สอนใจว่า ถ้าชาวบ้านไม่ตระหนักถึงภัยอันตรายถึงภัยที่เกิดขึ้น ก็จะมีผู้ได้รับบาดเจ็บจากกับระเบิดเพิ่มขึ้นอีกมิรู้จบ ถึงแม้ว่าจะเป็นผู้ประสบภัยรายแรกที่เกิดขึ้น ผู้เขียนหวังว่าขอให้เป็นรายสุดท้าย
ฝากความตระหนักให้ถึงพ่อ แม่ พี่ น้อง ว่า อย่าได้เข้าไปในพื้นที่ที่ทหารติดป้ายสัญญลักษณ์แจ้งเตือน เพราะเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายมีแน่นอน



วันศุกร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ระเบิดพวง (Cluster Boom)





















ระเบิดพวง(Cluster Boom)

ระเบิดพวง คลัสเตอร์ บอม (CMC) คือ อาวุธชนิดหนึ่งที่ยิงจากปืนใหญ่ หรือทิ้งจากเครื่องบิน สามารถแตกกระจายกลางอากาศเป็นระเบิด หรือกระสุนขนาดเล็กจำนวนมากมาย คลอบคุลมพื้นที่การทำลายล้างเป็นวงกว้าง แต่บ่อยครั้งที่ระเบิดขนาดเล็กเหล่านี้ระเบิดไม่หมดโดยทันที จึงเหลือตกค้างนานหลายปี เป็นอันตรายต่อพลเรือน โดยเฉพาะเด็ก

คลัสเตอร์ บอม ระเบิดเมื่อทิ้งลงมาจากเครื่องบินเพียง 1 ลูก จะแตกออกเป็นระเบิดย่อย ๆ อีกหลายลูก กระจายฝังตัวรอคอยเหยื่ออย่างอดทนอยู่เป็นวงกว้าง

ในภูมิภาคเอเซีย ระเบิดพวงมีปริมาณมากในประเทศลาว และ เวียดนาม คนรุ่นใหม่หรือแม้แต่คนรุ่นเก่า แทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีระเบิดพวงในพื้นที่ประเทศลาวมากกว่า 2 ล้านตัน และ 1 ใน 4 ของปริมาณระเบิดนั้นถูกทิ้งใส่พื้นที่ราว ๆ 17,000 ตารางกิโลเมตร

พื้นที่ที่ราบสูงทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศลาว ติดกับชายแดนด้านตะวันตกของเวียดนามนั้นคือ แขวงเชียงขวาง ถูกทิ้งระเบิดแบบปูพรม ไม่มีหมู่บ้านไหนรอดพ้นจากอำมหิตที่โปรยลงมาจากท้องฟ้า ผู้คนถูกระเบิดจำนวนมหาศาลต้องอพยพหนีจากบ้านเรือนไปอาศัยอยู่ตามถ้ำ เพื่อเอาชีวิตรอด

ผลพวงของสงคราม มีอิทธิพลสูงมากในหลายๆ ด้าน ส่งผลต่อร่างกาย และ จิตใจของผู้เกี่ยวข้อง แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานหลายปีแล้วก็ตาม แต่บาดแผลที่ฝังอยู่ในจิตใจของผู้สูญเสียอวัยวะ ยากนักที่จะลืม

วันศุกร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2556

Voice of Life (เสียงแห่งชีวิต)

เอื้อเฟื้อภาพจาก
องค์กรพันธมิตรแห่งประเทศญี่ปุ่นเพื่อสนับสนุนปฏิบัติการกู้ระเบิดเพื่อมนุษยธรรม (JAHDS)


ผู้คนจำนวนมากต่างรู้สึกประหลาดใจกับข้อเท็จจริงที่ว่า ประเทศไทยเป็นดินแดนที่เต็มไปด้วย 
"ทุ่นระเบิด" แม้ว่าประเทศไทยจะเป็นประเทศที่มีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่เห็นได้ชัดเจนก็ตามมีการตรวจสอบพบทุ่นระเบิดฝังอยู่ตามจังหวัดแนวชายแดนของประเทศไทยที่มีพื้นที่ติดกับประเทศลาว กัมพูชา และมาเลเซีย ซึ่งทุ่นระเบิดเหล่านี้เป็นผลมาจากการต่อสู้ด้านอุดมการณ์ระหว่างบ้านเมือง กับฝ่ายคอมมิวนิสต์ ในสงครามอินโดจีน รวมทั้งปัญหาการต่อสู้กันตามแนวตะเข็บชายแดน ระหว่างฝ่ายต่าง ๆ ของประเทศเพื่อนบ้าน



จากการสำรวจขั้นที่ 1 ด้านผลกระทบจากทุ่นระเบิด ซึ่งจัดทำโดย NPA (Norwegian People's Aid Thailand) เมื่อปี 2553 มีการยืนยันว่าทุ่นระเบิดส่วนมากอยู่ในสภาพใช้การได้ โดยสนามทุ่นระเบิดอยู่ภายในรัศมี 30 กิโลเมตร ห่างจากชายแดนของประเทศกัมพูชา ลาว และ พม่า



ขณะมีการสำรวจพบว่ามีผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ  จากสนามทุ่นระเบิด ประมาณ 3,500 คน ตัวเลขความสูญเสียดังกล่าว ได้ลดลงอย่างเห็นได้ชัดเจนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากได้มีการรณรงค์การติดป้ายแจ้งเตือนภัยต่างๆ และ ยังมีการส่งเสริมให้ความรู้ การแจ้งเตือนต่าง ๆที่เกี่ยวกับทุ่นระเบิดให้กับชาวบ้านได้รับรู้ถึงภัยอันตรายจากทุ่นระเบิดอย่างต่อเนื่อง



เนื่องจากประเทศไทย ยังมีพื้นที่ทุ่นระเบิดอยู่มากมาย ยังคงมีผลกระทบต่อชาวบ้านที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดน อุบัติเหตุ การสูญเสีย ก็ยังคงมีอยู่ (ตามภาพ) เนื่องจากชาวบ้านจำนวนไม่น้อย ยังคงต้องออกไปประกอบอาชีพ ทำมาหากิน ไม่อาจหลีกเลี่ยงจากการได้รับอุบัติเหตุ  อย่างไรก็ตามยังมีความห่วงใยจากทางการ ได้นำป้ายแจ้งเตือน และ นำเจ้าหน้าให้ความรู้เกี่ยว กับอันตรายจากวัตถุระเบิด ถ้าท่านมองเห็น และสังเกตุเห็นป้ายสัญญลักษณ์แจ้งเตือน ขออย่าได้เข้าไปในพื้นที่บริเวณดังกล่าว  เพราะนั่นหมายถึงท่านกำลังเดินเข้าหาอันตราย และ โอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุ ทำให้สูญเสียอวัยวะ และถึงขั้นเสียเสียชีวิตได้



จากภาพ : ทัศนียภาพของทุ่งนา และ หมู่บ้าน ที่มีชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้านบรรยายกาศเงียบ สงบ แต่ใครจะรู้บ้างว่ามีสนามทุ่นระเบิดใกล้กับที่พักอาศัย ทำให้ประชากร ไม่ว่าจะเป็น เด็ก คนสูงอายุ ได้รับผลกระทบโดยครง ใครบ้างจะคิดว่าที่แห่งนี้จะมีเรื่องเศร้าเกิดขึ้นกับคนที่นี่มากมาย ทุ่นระเบิดเพียงชิ้นเดียวที่ถูกฝังไว้ใต้ดิน จะสามารถทำลายชีวิตผู้คนอย่างไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัว


ความปวดร้าวทางร่างกาย ได้เลือนหายไปแล้ว  แต่สิ่งที่เขาสูญเสียไปตลอดกาล ช่างยากที่จะลบเลือน

***************************************** 


เอื้อเฟื้อภาพและบทความจาก : หนังสือเรื่อง ฟื้นฟูปราสาท สด๊ก ก๊อก ทม

จัดทำโดย : องค์กรพันธมิตรแห่งประเทสญี่ปุ่น เพื่อสนับสนุนปฏิบัติการกู้ระเบิดเพื่อ มนุษยธรรม (JAHDS)