วันอังคารที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เมื่อเจอ(ระเบิด)อย่าจับ... รีบแจ้ง

คณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลฯ จากศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ
             พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากหน่วยปฏิบัติการ ทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรมที่ 3
เข้าทำการพิสูจน์ทราบชนิดของทุ่นระเบิด  ขณะทำการกวาดล้าง
พบวัตถุระเบิดชนิด ดักรถถัง และ ระเบิดสังหารบุคคล  PMN  เป็นจำนวนมาก

หน้าตาของระเบิดสังหารบุคคล PMN

เชื่อว่ายังคงมีระเบิดชนิดนี้ฝังอยู่ใต้ดินอีกมากมาย
 ที่เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถตรวจพบตามบริเวณแนวชายแดน


หน้าตาของ ระเบิดดักรถถัง ที่ฝังอยู่ใต้ดิน ถึงแม้ว่าสภาพเก่าสนิมเกาะแบบนี้
มันพร้อมที่จะทำงานได้ทุกเมื่อ


จากการทำงานหนักของเจ้าหน้าที่ หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรมที่ 3 
สามารถเก็บกู้ระเบิดเหล่านี้ขึ้นมาจากใต้พื้นดิน  ทำให้ประชาชนที่อยู่ใกล้บริเวณ จ.ศรีสะเกษ
และ อุบลราชธานี ปลอดภัยจากการเหยียบกับระเบิดได้ระดับหนึ่ง มีข้อมูลที่ยืนยันว่ายังมีพื้นที่อีกมากมาย ที่เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้เข้าไปทำการสำรวจ และกวาดล้าง

เป็นการยากที่จะเห็นข้อสังเกตทุ่นระเบิด เพราะมีรูปร่าง ขนาด และ สี แตกต่างกันออกไป เช่น ฝังไว้ในพื้นดิน ซ่อนไว้ในพงหญ้า แขวนไว้บนต้นไม้ จมน้ำ ลอยน้ำ 

ง่ายที่สุด ในการรักษาความปลอดภัยในชีวิตที่จะเกิดจากการเหยียบกับระเบิด
เมื่อเห็นป้ายแจ้งเตือนสัญญลักษณ์จากทางราชการ
"อย่าได้เข้าใกล้บริเวณนั้นโดยเด็ดขาด"
ทุ่นระเบิดไม่รู้จักเจ้าของ ไม่มีวันหมดอายุ และพร้อมที่จะทำงานหรือระเบิดได้ทุกเวลา ทุกสถานที่

จำให้ขึ้นใจ  เมื่อเจอ วัตถุระเบิดต้องสงสัย อย่าจับ ให้  รีบแจ้ง หน่วยทหาร และหน่วยงานราชการใกล้เคียงที่สุด

หน่วยงานราชการที่สามารถแจ้งเหตุเมื่อพบวัตถุระเบิด พื้นที่จังหวัด สุรินทร์ อุบล ศรีสะเกษ
บก.หน่วยตรวจค้นและทำลายทุ่นรัเบิด : โทร 085 - 4579 -489
บก.หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรมที่ 3 : 044 - 5130-639 ต่อ 20267



วันพฤหัสบดีที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

วันจันทร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ความทรงจำเมื่อไม่นาน

ผู้ประสบภัยหญิง หมู่บ้านร่มไทร ต.ทัพเสด็จ อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว
เหยียบกับระเบิด ขณะออกไปเก็บหาของป่า


ผู้ประสบภัยอีกรายของหมู่บ้านร่มไทร ต.ทัพเสด็จ
อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว



ตัวดิฉันเองพึ่งมีโอกาสเดินทางไปราชการการ และมีเวลาได้พบปะสนทนาประชาชนชาวบ้านที่อาศัยอยู่ตามบริเวณตามแนวตะเข็บชายแดนไทย - กัมพูชา ประมาณปลายเดือนเมษายน 
จุดประสงค์การเดินทางไปราชการครั้งนี้ก็เพื่อ ติดตามการทำงานของหน่วยทหารในพื้นที่ ว่าได้ไปให้ความรู้เกี่ยวกับวัตถุระเบิดกับชาวบ้านอย่างไร ในขณะเดียวกันก็ถือโอกาสประเมินผลกับชาวบ้านว่าพ่อแม่พี่น้องเข้าใจถึงภัยใกล้ตัวที่เกิดกับชุมชน และตัวเองมากแค่ไหน

หนึ่งในหมู่บ้านที่ดิฉันเดินทางไปคือ บ้านร่มไทร  ต.ทัพเสด็จ อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกร และรับจ้างทั่วไป ถือว่าเป็นหมู่บ้านยากจน เมื่อสิ้นสุดฤดูกาลทำไร่ทำนา จึงออกหาของป่าไปขายเป็นรายได้ส่วนหนึ่งเพื่อเลี้ยงครอบครัว

จากข้อมูลของทางราชการ : และจากการสืบสภาพข้อมูล เดิมเคยมีการทำสงครามระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งการต่อสู้เนื่องจากความขัดแย้งภายในเราเองระหว่างรัฐบาลกับพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งภายหลังได้ทิ้งทุ่นระเบิดและสรรพวุธที่ยังไม่ระเบิดไว้เป็นจำนวนมากในพื้นที่ ทำให้เกิดความเดือดร้อนและเป็นอันตรายแก่ประชาชนในท้องถิ่นเป็นอย่างมาก

นับจากวันที่ที่หน่วยทหาร ได้เข้าไปให้ความรู้เรื่องอันตรายของวัตถุระเบิดกับประชาชนใน หมู่บ้านร่มไทร ต.ทัพเสด็จ อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ได้ไม่ถึงสองเดือน ได้เกิดเหตุการณ์ขึ้นอีก คราวนี้เป็นหญิงชาวบ้านสามคนเข้าไปหาของป่าในพื้นที่ที่ทหารได้ทำการติดป้ายแจ้งเตือนว่ามีวัตถุระเบิด ได้เหยียบกับระเบิดสังหารบุคคล ทำให้ได้รับบาดเจ็บ ขาซ้ายขาดเหนือตาตุ่มและสะโพก

จากเหตุการณ์ดังกล่าว : ทำให้มีผู้ประสบภัยเกิดขึ้นอีก ทั้ง ๆ ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับชาวบ้านเหล่านี้เลย เป็นอุธาหรณ์สอนใจว่า ถ้าชาวบ้านไม่ตระหนักถึงภัยอันตรายถึงภัยที่เกิดขึ้น ก็จะมีผู้ได้รับบาดเจ็บจากกับระเบิดเพิ่มขึ้นอีกมิรู้จบ ถึงแม้ว่าจะเป็นผู้ประสบภัยรายแรกที่เกิดขึ้น ผู้เขียนหวังว่าขอให้เป็นรายสุดท้าย
ฝากความตระหนักให้ถึงพ่อ แม่ พี่ น้อง ว่า อย่าได้เข้าไปในพื้นที่ที่ทหารติดป้ายสัญญลักษณ์แจ้งเตือน เพราะเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายมีแน่นอน