วันนี้ฉันรู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษ
รีบตื่นแต่เช้านึ่งข้าวเหนียว ตั้งแต่ไก่โห่
ปลุกน้องๆสองคนมาอาบน้ำแต่งตัวรอแม่ทำกับข้าว
ส่วนพ่อก็ออกไปรับจ้างกรีดยางแต่ก่อนเช้ามืด
เดี๋ยวนี้แถวบ้านฉันหันมาปลูกยางพารากันเป็นล่ำเป็นสัน ก็ดีเรายังได้รับจ้างพอประทังไปวันๆ นึกถึงเมื่อก่อนนี้เรามีที่นายังได้ทำนาไม่ลำบากเหมือนเช่นวันนี้
ฉันเคยถามพ่อว่า “พ่อจ๋า ทำไมเราไม่กลับไปทำนาเหมือนเดิมละจ๊ะ”
พ่อบอกฉันด้วยน้ำเสียงที่ปลอบโยนว่า ”เดือนเอ๊ย.....อีกไม่นานหรอกลูก
ตอนนี้มีหน่วยงานหนึ่งที่เรียกว่าศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติได้เข้ามาเพื่อช่วยเหลือพวกเราแล้ว”
พ่อพูดขึ้นพร้อมกับแววตาแห่งความหวัง
“เมื่อสามวันก่อนผู้ใหญ่ขำเรียกชาวบ้านไปประชุม
ว่าหน่วยงานนี้จะเข้ามาทำงานที่หมู่บ้านเราแล้ว ต่อไปเราก็จะกลับไปทำนาในที่นาของเราเหมือนเดิมแล้วแหละ...พอเราทำนาได้เราก็จะมีเงิน
เอ็งกะน้องๆก็จะได้เรียนสูงๆกินอิ่ม.”
ฉันดีใจจนโผลงออกมาว่า”จริงๆหรือจ๊ะพ่อ”
พ่อหัวเราะร่วนพร้อมกับพูดขึ้นว่า ” ฮ่า ๆๆๆ พ่อเคยปดเอ็งกะน้องรึ ”
ฉันยังจำวันนั้นได้ดี มีการสู้รบระหว่างเรากับประเทศเพื่อนบ้าน
ซึ่งก่อนหน้านั้นพวกเรายังไปมาหาสู่กันอยู่เหมือนพี่น้องกัน ต่อมาไม่นานมีทหารกลุ่มหนึ่งได้เอาป้ายสีแดงๆรูปหัวกะโหลกสีขาว
มาติดไว้ในแถบที่นาของฉัน และ มีข้อความว่า ทุ่นระเบิดอันตราย ห้ามเข้า อีกไม่กี่วัน ลุงผิน พ่อ ไอ้จ้อน กะ ป้าจัน
แม่ไอ้คำ ได้เข้าไปบริเวณแห่งนั้น ก็ไปเหยียบทุ่นระเบิดเข้าทำให้ขาขาดดูน่ากลัวมาก
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาพวกเราไม่มีใครกล้ เข้าไปในพื้นที่นั้นอีกเลย เมื่อวานคุณครูประกาศว่าจะมีทหารมาจากศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ
มาให้ความรู้แก่พวกเราเกี่ยวกับทุ่นระเบิด และ สรรพวุธระเบิดที่ยังไม่ระเบิด ทำให้ฉันนึกถึงคำพูดของพ่อ
และ รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความหวังของพ่อ อีกไม่นานซินะฉันจะได้กลับไปทำนา
ไปวิ่งเล่นที่ท้องทุ่งนาของฉัน คิดแล้วช่างมีความสุขเหลือเกิน
ฉันนั่งล้อมวงกินข้าวพร้อมน้องๆกินไปยิ้มไปจนแม่ต้องมาสะกิดและพูดว่า ” นี่เป็นอะไรของเอ็งอีกละฮึนังเดือน
รีบๆกิน พาน้องไปโรงเรียน เดี๋ยวก็สายแย่ “ ฉันสะดุ้งพร้อมรับคำ “ จ๊ะๆๆแม่หนูอิ่มละ
” ฉันลุกไปล้างมือหยิบกระเป๋าหนังสือเก่าจนเกือบขาดมาวางข้างๆพร้อมหยิบรองเท้าแตะเตรียมไปโรงเรียน
และ ร้องบอกน้องชายสองคน “ ดำ เด่น เสร็จยังเร็วๆรีบๆเดี๋ยวไม่ทัน ” พูดเสร็จพร้อมโอบกระเป๋ามาหนีบที่รักแร้พนมมือไหว้แม่ก่อนไปโรงเรียน....
.พอถึงโรงเรียน
ฉันเห็นทหารที่แต่งกายไม่คล้ายกับทหารสักเท่าไหร่ เพราะทุกคนไม่มีปืนแม้แต่กระบอกเดียว
นี่ซินะที่เขาเรียกว่า ทำงานด้านมนุษยธรรม ที่ฉันเคยได้ยินได้ฟังมาบ้าง ทุกคนดูยิ้มแย้มแจ่มใส
มีรถสีขาว ข้างๆมีตราลูกโลกติดไว้เป็นตราสัญลักษณ์ นี่แหละมั๊ง
หน่วยงานที่จะมาทำให้ฝันของฉันและทุกๆคนในหมู่บ้านนี้เป็นจริง ฉันใจจดจ่ออยู่กับคุณลุง
คุณอา ทหารที่มาเยือน
ว่าท่านเหล่านี้จะมาบอกอะไรแก่พวกฉันและมาทำอะไรให้หมู่บ้านฉันบ้าง
หลังจากพวกฉันทำกิจกรรมหน้าเสาธงเสร็จคุณครูก็แนะนำคุณลุง คุณอาทหารเหล่านี้ให้พวกเรารู้จัก
ฉันสังเกตเห็นมีโต๊ะตัวหนึ่ง มีอะไรไม่รู้วางเรียงอย่างเป็นระเบียบ มีทั้งแผ่นพับ
ป้ายหัวกะโหลกสีแดงๆ ลูกกระสุนปืนใหญ่ชนิดต่างๆ
ที่เราเคยเก็บไปขายหลังจากที่มีมาตกฝั่งบ้านเรา และ
อีกหลายคนก็โดนลูกปืนเหล่านี้เล่นงาน บาดเจ็บล้มตายไปแล้วหลายราย
มีเสียงนุ่มๆเพราะๆเหมือนกับพิธีกรในทีวีที่เราเคยเห็น
กล่าวทำลายบรรยากาศที่อยากรู้อยากเห็นของพวกเรา “ สวัสดีครับ นักเรียนทุกคน พวกอาเป็นตัวแทนของ
หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรม ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ
จะมาให้ความรู้เบื้องต้นแก่พวกเราทุกๆคน ให้รู้ถึงโทษภัย
และลักษณะของทุ่นระเบิดว่าเป็นอย่างไร ซึ่ง อาจะขอรบกวนเวลาของหนูๆแค่ 9 นาที ”คุณอาทหารท่านหนึ่งได้กล่าวแนะนำตัว
และ สวัสดีพวกเรา ด้วยหน้าตายิ้มแย้มและเป็นมิตร “
ที่พวกหนูๆเห็นอยู่ข้างหน้านี้เป็นตัวอย่างของทุ่นระเบิด ทั้งสังหารบุคคล , ดักรถถัง
, และ สรรพวุธระเบิด ที่ยังไม่ระเบิด “
ท่านก็หยิบมาอธิบายทีละชิ้นๆพร้อมกับบอกเราว่า
“ถ้าหนูเจอสิ่งที่มีลักษณะแบบนี้อย่าไปแตะ อย่าไปต้อง เพราะมันเป็นอันตรายมาก
เพราะมันจะทำให้เราบาดเจ็บ พิการหรืออาจถึงตายได้ ถ้าหนูพบเห็นสิ่งวัตถุในลักษณะแบบนี้
ให้รีบแจ้ง ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน คุณพ่อ คุณแม่ หรือ เจ้าหน้าที่ตำรวจทหาร
โดยเร็วที่สุด” ท่านกล่าวไปยกตัวอย่างไป
พาพวกเราตอบปัญหา เล่นเกม เป็นที่สนุกสนานพอสมควร
จนถึงเวลาสรุป
คุณอาอีกคนก็มากล่าวว่า ” ที่คุณลุงท่านนี้อธิบายมีหนูๆคนไหนสงสัยอะไร
ถามมาได้เลยนะครับ “ เจ้าแจ็ค จอมแสบประจำโรงเรียนลุกขึ้นถามว่า “ อาครับ ไอ้เจ้าสรรพวุธระเบิดที่ยังไม่ระเบิดมันคืออะไรครับ
“ คุณอาทหารท่านตอบด้วยเสียงอันดังชัดเจน แต่แฝงถึงความเอ็นดูว่า “
มันก็คืออาวุธกระสุนระเบิดนั่นเองครับ รวมถึง บรรดาลูกระเบิดขว้างชนิดต่างๆ
ลูกยิงจรวจ พวกนี้จะอันตรายมากๆ เพราะระบบกลไกลข้างในนั้นอาจจะเป็นแบบตั้งเวลาจุดชนวน
หรือ ระบบกระทบแตก
บางทีข้างในจะมีแร่แปโซอยู่ในส่วนหัวซึ่งจะทำให้เกิดอันตรายร้ายแรงมาก
หากอยู่ในภาวะที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เช่น
ปกติมันจะอยู่กลางแดดร้อนๆแต่เวลาหนูเจอมัน หนูเข้าไปดูเงาของหนูอาจทำให้มันเกิดปฏิกิริยา
จุดชนวนระเบิดขึ้น เห็นไหมครับ มันอันตรายจริงๆ และน่ากลัวมากๆ
และดินระเบิดข้างในเป็นดินระเบิดแรงสูง เจาะเกราะ ต่อต้านรถถังระเบิดมันอันตรายมาก”
เจ้าแจ็คพูดต่ออีกว่า “ แล้วทำไมอาถึงกล้าทำละครับ ไม่กลัวหรือครับ
มันอันตรายมากๆเลยนะ “ คุณอาท่านนั้นยิ้มๆและตอบว่า “ครับใช่มันอันตรายมาก
แต่พวกอาได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดี เรียนรู้มาจนเกิดความชำนาญ และ อีกอย่างพวกอาอยากให้พวกหนูๆอยู่กันอย่างมีความสุข
และ มันเป็นหน้าที่ของอาครับ ฉะนั้นเมื่อเป็นหน้าที่ของอา แล้วมันเป็น หน้าที่ ของพวกหนูหรือไม่ที่จะเข้าไปยุ่งกับมัน
” พวกเราตอบกันอย่างพร้อมเพรียง” ไม่ครับ ไม่คะ ”
เพราะพวกเราได้เห็นภาพที่ คุณลุง คุณอา ทหารนำมาให้ดู แต่ละภาพดูน่ากลัวมาก และอีกอย่างเราก็เคยเห็นภาพที่คนในหมู่บ้านเราไปโดนเข้า
มันยังติดตาและฝังใจเรามาโดยตลอด “ มีใครสงสัยอะไรอีกไหม “ ฉันยกมือขึ้นถาม ”มีคะ แล้วเมื่อไหร่คุณอาจะเข้ามาทำการกวาดล้างที่หมู่บ้านหนูละคะ
“ คุณลุงที่อาวุโสสุดในกลุ่มตอบว่า “
อ้อ...จ้าพวกเราได้ขนย้ายอุปกรณ์ทุกอย่าง กำลังพล ไม่ว่าจะเป็นสุนัขตรวจค้น
เครื่องจักรกล เครื่องตรวจค้นมากันแล้วครับ
และจะเริ่มทำงานกันพรุ่งนี้เลยครับ
ดีไหม...? แต่พวกหนูๆเมื่อได้รับความรู้แล้วต้องถ่ายทอดถึงโทษภัยของมันต่อๆไปนะครับ
“ เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เสียงตะโกนด้วยความดีใจพร้อมเสียงปรบมือดังกึกก้อง “
และอีกนานไหมคะถึงจะเสร็จ “ ฉันยกมือถามอีก เพราะอยากจะได้ไปทำนาสักที
พ่อก็ไม่ต้องไปรับจ้าง คุณลุงทหารคนเดิมตอบอย่างมั่นใจ “ ไม่นานหรอกครับ
พวกเราสัญญาว่า จะเร่งทำงานให้คุ้มค่ากับภาษีที่พ่อแม่ของหนูๆจ้างพวกเรามาทำงาน
และโปรดวางใจ พวกเราจะทำให้พื้นปลอดภัยอย่างร้อยเปอร์เซ็นต์เราให้สัญญา” คุณลุงรับปากพวกเราอย่างหนักแน่น
สมกับเป็นชายชาติทหาร หนูขอขอบพระคุณคุณลุง คุณอาทุกๆท่าน ที่อุทิศร่างกาย
แม้เหน็ดเหนื่อย ลำบาก และ อันตรายเพียงใด ก็ไม่เคยย่อท้อหรือบ่น ทั้งๆคุณลุง
คุณอาเหล่านั้นก็มีครอบครัว มีลูกที่ต้องการ การเอาใจใส่ดูแล
ไม่แตกต่างจากพวกเราเลย แถมยังมาให้กำลังใจให้ความรู้แก่พวกหนูๆ
คุณลุง คุณอา ทหารได้บอกพวกเราว่า
“พวกเรากู้ทุ่นระเบิดได้หนึ่งลูกเท่ากับเราช่วยชีวิตคนได้ถึงห้าคน
เพราะครอบครัวหนึ่งจะประกอบไปด้วย พ่อแม่และลูกๆเป็นอย่างต่ำ
ถ้าพ่อเป็นหรือใครคนใดคนหนึ่งในครอบครัวอะไรไป คนที่เหลือก็ไม่แตกต่างกัน
ก็จะตกอยู่ในสภาพเดียวกัน” ทำให้ฉันนึกถึงภาพของ ลุงผิน กับป้าจัน ทันที
ดูเพื่อนของฉันแย่ลงทันตาเห็น ไม่ว่าจะเป็นการเป็นอยู่ สภาพจิตใจที่หงอยเหงา ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายจงดลบันดาลให้คุณลุงคุณอาทุกๆคนจงปลอดภัยและมีความสุขด้วยเทอญ........หนูจะรอวันนั้นนะคะวันที่คุณลุงคุณอารับปากพวกหนูไว้...หนูจะรอคะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น